ซิสเตอร์วันทนา สาทิสสะรัต

กระแสเรียกของซิสเตอร์วันทนา เกิดจากการได้พบเห็น เจอะเจอ พูดคุยกับบรรดามิชชันนารี ดิฉันเกิดมาในครอบครัวคาทอลิค ความศรัทธา ความรักในพระเจ้าถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ การได้เล่าเรียนในโรงเรียนคาทอลิค แบบอย่างที่ได้รับจากนักบวชชาย-หญิง ดึงดูให้ดิฉันอยากเสียสละและอุทิศถวายตัวแต่พระเจ้าเช่นกัน ความเรียบง่ายของชีวิตกลุ่ม ความเป็นหนึ่งเดียวกันในสายสัมพันธ์แห่งความรักพี่น้อง ความสง่างามในทุกอิริยาบถของชีวิต

            สิ่งแรกที่ได้พบเห็นเมื่อมาถึงโรงเรียนคือ บนวัดน้อยของโรงเรียนจะพบคณะซิสเตอร์เดินเข้าวัดอย่างสง่างาม สำรวม เป็นภาพที่ติดตา  ตรึงใจของฉันเสมอตั้งแต่เป็นเด็ก ทำให้ฉันคิดว่าทำไมบรรดามิชชันนารีเหล่านี้จึงเสียสละ และยินดีมารับใช้เราคนไทยให้ได้รู้จักพระเป็นเจ้า

            เมื่อเป็นนักเรียนก็ได้ถูกปลูกฝังบ่มเพาะจิตตารมณ์การเป็นผู้รับใช้การช่วยเหลือผู้อื่น  จากตัวอย่างของบรรดามิชชันนารีทำให้ฉันเริ่มคิดถึงอนาคตของตนเองว่า อยากทำอะไร หรือเป็นอะไร ฉันไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เพราะมีความกลัวและไม่มั่นใจที่จะทำได้ กลัวความไม่สำเร็จ เนื่องจากเป็นคนสติปัญญาน้อย เรียนไม่ค่อยได้ เมื่อจบ ม.6 สมัยก่อน เทียบเท่า ม.3 ปัจจุบัน ฉันจึงจากบ้านไปเป็นครูที่ภาคใต้ 1 ปี เพื่อค้นพบตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดฉันก็กลับมาอยู่ในโรงเรียนเดิม คือ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยที่ฉันคุ้นเคยและเติบโตมา

            มิชชันนารีที่เคยสอนและรู้จักฉันดี ฉันเคยเป็นศิษย์และเคยทำงานร่วมกับท่านในโรงเรียนมาหลายปี มักจะทักทายด้วยการถามว่า กระแสเรียกของเธอเป็นอย่างไร ดิฉันไม่มีคำตอบได้แต่ยิ้มให้ เวลานั้นฉันก็อายุ 24 ปีแล้ว เวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่งดิฉันจึงต้องตัดสินใจเพื่อเข้าพบผู้ใหญ่และพูดคุยเพื่อความมั่นใจว่าตัวเองจะดำเนินชีวิตนักบวชได้ การต้อนรับของผู้ใหญ่ในคณะอุร์สุลินที่อบอุ่นทำให้ฉันมีความมั่นใจ พร้อมกับการสนับสนุนของพ่อแม่ ดิฉันได้จากบ้านเพื่อมุ่งหน้าจากกรุงเทพสู่เชียงใหม่ในปี ค.ศ. 1964

            4 ปี แห่งการฝึกฝนแบ่งระยะเวลา 1 ปีแรก และ 3 ปีหลัง เป็นเวลาที่เคร่งครัด …..และทำงาน เรียนรู้จิตตารมณ์ของผู้ก่อตั้งคณะคือ ท่านนักบุญอัญจลามิชชันนารีผู้มีอุดมการณ์ที่เปิดกว้างต่อเพื่อนพี่น้องในสังคม ไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ในสถานการณ์ใด ท่านสามารถพูดคุย และให้คำแนะนำที่นำความหวังและสันติสุขแก่ทุกคน 5 ปีหลังเป็นเวลาศึกษาและออกไปอยู่ในกลุ่มบ้านใหญ่ เรียนรู้จักชีวิตกลุ่มมากขึ้น สอนคำสอน และอื่นๆ ในปี 1972 ดิฉันก็ได้รับอนุญาตให้ทำการปฏิญาณตลอดชีพ

            ในชีวิตนักบวชของดิฉัน ก็ต้องเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่าง ได้เรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ เช่น การฝึกปฏิบัติตามระเบียบ และธรรมนูญของคณะ สำหรับดิฉันถือว่าเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้กับฉัน ฉันมีความสุขเมื่อฉันไม่ลืมว่าฉันมีพระอยู่เคียงข้างฉันเสมอ ฉันเคยพ่ายแพ้ต่อตัวเอง แต่พระองค์ก็ทรงส่งผู้ที่รักมาช่วยพยุงให้ลุกเดินใหม่

            แม่อัญจลาเตือนลูกของท่านว่า ยามใดที่เราอ่อนแอให้เราไปกราบอยู่ที่แทบเท้าของพระเยซูแนบพิงที่กางเขน และเป็นสิ่งที่ดิฉันปฏิบัติเสมอมาด้วยความกตัญญูรู้คุณในพระพรที่ได้รับมาตลอดระยะเวลา 57 ปี

thThai