ชีวประวัติ (โดยย่อ)
นักบุญมารี/แมรี่ ออฟ ดิ อินคาร์เนชั่น

ค.ศ. 1599  วันที่ 28 ตุลาคม มารีเกิดมาในตระกูลกือยาต์ ณ เมืองตูรส์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ ใน ประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวนี้มีลูก 8 คน มารีเป็นคนที่ 4 ตระกูลกือยาต์เป็นชนชั้นกลางสามัญ

ค.ศ. 1607 เมื่อมารีอายุ 7-8 ปี ขณะอยู่ที่สนามโรงเรียน ได้เห็นภาพนิมิตเป็นองค์พระเยซูเจ้ากำลังเคลื่อน องค์ลอยในอากาศมาหาท่าน ท่านยื่นแขนไปหาพระองค์และรู้สึกว่า พระองค์ทรงโอบท่านไว้ ทรงตรัสถามมารีว่า “เธอจะเป็นของเราไหม?” คำตอบของมารีคือ “ด้วยความยินดีค่ะ”

อายุ 14-15 มารีบอกพ่อแม่ว่าอยากเข้าอาราม แต่ไม่ได้รับความสนใจจริงจังกับคำขอดังกล่าว

ค.ศ. 1617 พ่อแม่จัดการให้มารีได้แต่งงานกับโคลด มาร์แตง พ่อค้าหนุ่มอาชีพค้าผ้าแพรแห่งเมืองตูรส์ ขณะนั้นมารีอายุ 17-18 ปี

ค.ศ. 1619 โคลด มาร์แตง ถึงแก่กรรม มารีจึงกลายเป็นแม่หม้ายด้วยอายุเพียง 19 ปี ต้องเผชิญกับเรื่อง เงิน ๆ ทอง ๆ ลูกชายก็เพิ่งอายุ 6 เดือน ธุรกิจก็ล้มละลาย …! ไม่นานนัก มารีก็สามารถจัดการใช้หนี้เดิมแก่เจ้าหนี้ได้หมดก่อนที่จะขายกิจการไป

มารีกลับไปอยู่บ้านเดิม ช่วยดูแลพ่อ เพราะแม่ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว

ค.ศ. 1620 วันที่ 24 มีนาคม เป็น “วาระแห่งการกลับใจ” ของมารี ท่านเล่าว่า ได้ประสบกับความรู้สึก ลึก ๆ ของตนว่ามีบาปและตนเองไม่มีความสามารถพอที่จะขจัดไปได้ มารีต้องการ “พระ ผู้ช่วยให้รอด”… ประสบการณ์นี้ทำให้มารีรู้สึกชัดแจ้งว่าพระเจ้าคือองค์ความรัก… รักเป็น ส่วนบุคคลสนิทสนม เมตตา สุภาพอ่อนโยน

ค.ศ. 1622 ช่วงเดือนสิงหาคม ปอล บุยซอง พี่เขยของมารี มองเห็นความสามารถที่น่าทึ่งของท่านใน ฐานะนักธุรกิจหญิง จึงมอบหน้าที่ให้ดูแลงานสำคัญ แต่ละวันมารีต้องออกไปที่ท่าเรือเมือง ตูรส์ดูแลสั่งการคนงาน รักษาแนวทางเดินเรือ ตรวจสอบสภาพของม้า-รถ-เรือท้องแบน ที่ใช้ ในงานขนบรรทุกของธุรกิจนั้น

สำหรับมารี การตระหนักรู้ชัดถึงความรักของพระเจ้า ผู้ทรงอยู่สนิทชิดใกล้ตลอดเวลาคือพลัง ขับเคลื่อนให้สามารถทุ่มเททำประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ค.ศ. 1631 ความปรารถนาเมื่ออายุ 14-15 ที่อยากเข้าอาราม ได้หวนกลับมาด้วยความรู้สึกที่เด็ดเดี่ยว

วันที่ 25 มกราคม มารีได้อำลาพ่อและลูกชาย ออกจากบ้านตระกูลบุยซองเป็นครั้งสุดท้าย เข้าสู่สำนักคณะอุรุ์ลินซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนปัวตู

ค.ศ. 1634 ช่วงปีที่ 3 ในอาราม มารีได้เห็นภาพนิมิตเป็นสถานที่อันงดงาม มีแต่ท้องฟ้าเท่านั้นเป็นหลังคา มีโบสถ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว บนยอดโบสถ์มีรูปปั้นแม่พระอุ้มพระกุมาร

2/3 ปีต่อมา ความหมายของภาพนิมิตนี้ค่อย ๆ สำแดงให้มารีเข้าใจว่า ดินแดนในภาพนิมิตนั้น คือประเทศแคนาดา และท่านจะต้องไปที่นั่นเพื่อสร้าง “สำนักหนึ่งสำหรับพระเยซูเจ้าและ พระแม่มารี”

ค.ศ. 1639 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ มารีพร้อมกับอุร์สุลินจากตูรส์อีก 1 คน และฆราวาสที่เป็นผู้อุปถัมภ์คณะ คือมาดามเดอ ลา เปลตริ เดินทางออกจากเมืองตูรส์

วันที่ 4 พฤษภาคม มีอุร์สุลินมาสมทบอีก 1 คน ออกเดินทางทางเรือจากเมืองดิเอป

ตลอด 3 ปีต่อมา บ้านเล็ก ๆ หลังนั้นเป็นอาราม… เป็นโรงเรียนประจำสำหรับเด็ก ๆ ชาว อินเดียนแดง… และเป็นโรงพยาบาลรักษาเด็กนักเรียนอินเดียนแดงที่มีอาการหนักจากโรค สุกใสซึ่งระบาดทั้งเมืองในฤดูใบไม้ร่วง

หลังจาก 3 ปี ได้ย้ายขึ้นไปทางตัวเมืองตอนบน ห่างจากเสียงครวญครางของกระแสน้ำใน แม่น้ำเซ็นต์ลอเรนส์ ที่นั่นมารีต้องรับผิดชอบงานสร้างบ้านหลังใหญ่ที่สุดและงดงามที่สุดใน แคนาดา คืนที่มีหิมะตกหนักหลังวันคริสต์มาสไม่นาน อารามของคณะอุร์สุลินซึ่งเป็นอาคารที่ “ใหญ่ ที่สุดและงดงามที่สุด” ซึ่งชาวคณะภูมิใจอย่างยิ่ง ถูกเผาถล่มทลายลงกองกับพื้น … ขอบคุณ พระเจ้าที่ไม่มีเด็กสูญหายไปสักคน…

ความขยันขันแข็งและความเฉลียวฉลาดของคณะอุร์สุลินเป็นเรื่องไว้ใจได้อยู่แล้ว

ไม่ทันถึง 2 ปี อารามได้สร้างขึ้นใหม่ ชาวคณะอุร์สุลินก็สามารถดำเนินงานต่อไปได้อีก

ระหว่างหลายปีที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก มีความกังวลไม่รู้จบเกี่ยวกับการเงิน…ตัว บุคคล…ความปลอดภัยของสมาชิก ความสุขที่ซาบซึ้งใจเหนือทุกสิ่งสำหรับมารีคือ โคลด บุตรชายของท่านได้เข้าอารามเบเนดิกตินที่เมืองซังต์โมร์

ช่วงบั้นปลายชีวิต มารีได้มองย้อนกลับไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยความพิศวง เช่น การแต่งงาน การเป็นแม่ การเป็นหม้าย การอยู่โดดเดี่ยว อาชีพซึ่งท่านเป็นทั้งบ่าวทั้งนาย กระแสเรียกเป็นนักบวช และความฝันที่เกี่ยวพันประเทศแคนาดา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็น พระหรรษทานแท้ ๆ ที่เข้ามาทันเวลาเสมอ

ค.ศ. 1672 วันที่ 30 เมษายน มารี กือยาต์ มาร์แตง หรือ มารี ออฟ ดิ อินคาร์เนชั่น ได้สิ้นสุดชีวิตของท่าน ณ อารามที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้น สิริอายุ 73 ปี หลังจากได้ทำงานหนักโดยไม่ท้อถอยสำหรับ พระศาสนจักรแคนาดาเป็นเวลา 33 ปี

thThai